วันอาทิตย์ที่ 15 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2552

มีเงินต้องช่วยกันใช้ โดย เชอรี่ประชาชาติditsanee@matichon.co.th

วันที่ 16 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2552 ปีที่ 32 ฉบับที่ 4080

มีเงินต้องช่วยกันใช้
คอลัมน์ ชั้น 5 ประชาชาติ
โดย เชอรี่ประชาชาติditsanee@matichon.co.th

วันก่อนอ่านบทสัมภาษณ์ของบิ๊กบอสโรงแรมโอเรียนเต็ล แมนดารินใน "ประชาชาติธุรกิจ" ที่พูดถึงนโยบายการลดแลกแจกแถมเพื่อกระตุ้นการท่องเที่ยวว่า เขาไม่ค่อยเห็นด้วยกับแนวทางนี้สักเท่าไร เพราะมองว่าทำให้มีลูกค้าเข้ามาใช้บริการได้ก็จริง แต่เฉลี่ยการใช้จ่ายต่อคนจะลดลงมาก

ลดมากไปบวกลบคูณหารแล้วอาจได้ไม่คุ้มเสีย

น่าคิดทีเดียว เพราะยามนี้หันไปทางไหนเห็นแต่ป้ายเซลเต็มไปหมด

ผู้บริโภคเองเคยชินกับแคมเปญลดราคาของสารพัดสินค้า และบริการจนรู้สึกเฉยๆ แต่ร้อยทั้งร้อยพูดเป็นเสียงเดียวกันว่า ไม่ลดไม่ซื้อ

ลดจริงไม่จริง ลดมากลดน้อยไม่รู้ แต่ไม่ติดป้ายเซลเป็นขายไม่ออก ทำให้บรรดาห้างสรรพสินค้าทั้งหลายต้องมีกิจกรรมลดกระหน่ำซัมเมอร์เซลกันถี่ยิบ

ใครๆ ก็ชอบของถูก ถึงจะรู้ทั้งรู้ว่า ถูกกับดีอาจไม่ไปด้วยกัน

แต่ถึงจะลดกระหน่ำขนาดนี้แล้ว ว่ากันว่า นาทีนี้ไม่ได้ทำให้ยอดขายกระเตื้องขึ้นได้มากนัก

ไม่ใช่ไม่มีเงิน มีแต่ไม่กล้าใช้ เพราะข่าวร้ายรายวันเกี่ยวกับเศรษฐกิจโลกที่มีออกมาไม่หยุดหย่อนเขย่าขวัญผู้บริโภคจนไม่กล้าใช้เงิน

กับธุรกิจโทรศัพท์มือถือยังไปได้ แม้ปริมาณการใช้ต่อคนจะลดลงบ้าง แต่ยังดีกว่าธุรกิจอื่นมาก แถมไม่ต้องถล่มราคาสู้กันมากเหมือนก่อนก็ยังพออยู่กันได้

ต้นทุนค่าเชื่อมต่อโครงข่ายระหว่างกันระหว่างผู้ให้บริการมือถือทำให้โปรโมชั่นโทร.ฟรีลดดีกรีความร้อนแรงลงมาก

หรือถ้าจะมีโทร.ฟรี หรือคิดค่าโทร.ถูกๆ ก็มักเน้นภายในเครือข่ายตนเองเป็นหลัก

ดูตัวอย่างได้จากบริการแบบเหมาจ่ายรายเดือน แพ็กเกจล่าสุด "โสด" ของดีแทคก็ได้ คิดเหมาจ่าย 299 บาท มีโทร.ฟรีได้ไม่จำกัดมากถึง 19 ชั่วโมงต่อวัน แต่เฉพาะในเครือข่ายดีแทคเท่านั้น ถ้าโทร.นอกเวลาหรือโทร.ไปยังเครือข่ายอื่น คิดนาทีละ 1.50 บาท

ลืมนาทีละสลึงแบบในอดีตไปได้เลย

บางเจ้าถูกกว่านี้ก็มี แต่อย่าลืมว่า ถูกและดีอาจไม่ได้เกิดมาคู่กัน

มีโอกาสคุยกับนักธุรกิจใหญ่หลายคนต่างพูดเป็นเสียงเดียวกันว่า ระมัดระวังในการใช้เงินมากขึ้นมาก การลงทุนใดๆ จะทำเท่าที่จำเป็นเท่านั้น

เรื่องขยับขยายธุรกิจใหม่ลืมไปได้เลย

ที่น่ากลัวก็คือ ไม่มีใครรู้ว่า จุดต่ำสุดจะมาถึงเมื่อไร แต่ยังโชคดีอยู่บ้างที่ส่วนใหญ่ยังมีความหวัง หวังว่า พรุ่งนี้จะดีขึ้น

เห็นตัวเลขการใช้งบประมาณในการทำโฆษณาประชาสัมพันธ์ผ่านสื่อต่างๆ ของเจ้าของสินค้า และบริการในเดือน ม.ค.ที่ผ่านมาทำให้พอใจชื้นขึ้นมาบ้าง

เทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่แล้วใช้เพิ่มขึ้น 4.5%

แบรนด์ที่ใช้เงินมากสุด 5 อันดับแรก ได้แก่ ผลิตภัณฑ์ระงับกลิ่นกาย นีเวีย 98.5 ล้านบาท เอไอเอส 83 ล้านบาท นีเวีย บอดี้ สกินแคร์ 56.5 ล้านบาท ปตท. 54 ล้านบาท และโอเลย์ 47 ล้านบาท

ท่ามกลางข่าวร้ายจึงยังพอมีข่าวดีเหลืออยู่บ้าง

ได้รับฟอร์เวิร์ดเมล์ที่คนส่งมารับประกันว่า อ่านกี่รอบก็ขำ เรื่องมีอยู่ว่า...

ทำไมบักหม่องพาเพื่อน แห่กันไปเที่ยว ผับ...ทีละ 18 คน

ก็เพราะหน้าผับ...เขาประกาศไว้ว่า...ต่ำกว่า 18 ! ห้ามเข้าน่ะ สิ !!

บักหม่อง...ไปร้านขายทีวี...ถามคนขายว่า "ไม่ทราบว่าที่นี่มีทีวีสีขายรึเปล่า ?"

คนขายตอบว่า... "มี"

บักหม่องเลยบอกว่า "งั้นเอาสีเขียวมาเครื่องนึง"

บักหม่องจะยิ้มทุกครั้งที่ฟ้าผ่า เพราะนึกว่า...มีคนกำลังถ่ายรูปเขาอยู่

และรู้หรือเปล่าว่า ทำไมบักหม่องถึงกดโทรศัพท์เบอร์ฉุกเฉิน 911 ไม่ได้

ติ๊กต๊อก ติ๊กต๊อก ลองนึกหาเล่นๆ ดู

ก็เพราะเขาหา เบอร์ 11 (สิบเอ็ด) บนแป้นไม่เจอน่ะซิ

หน้า 33 http://matichon.co.th/prachachat/prachachat_detail.php?s_tag=02edi05160252&day=2009-02-16§ionid=0212

ไม่มีความคิดเห็น: