วันจันทร์ที่ 4 พฤษภาคม พ.ศ. 2552

ดวงเมืองประจำปี พ.ศ. ๒๕๕๒ เขียนโดย พลตำรวจตรี สุชาติ เผือกสกนธ์

ดวงเมืองประจำปี พ.ศ. ๒๕๕๒ พิมพ์
 
 
บทความ - พูดจาภาษาโหร
เขียนโดย พลตำรวจตรี สุชาติ เผือกสกนธ์   
วันเสาร์ที่ ๐๒ พฤษภาคม ๒๕๕๒ เวลา ๑๒:๒๕ น.


            เมื่อกล่าวถึงการพยากรณ์ดวงชะตาเมืองประจำปีต่างๆ ที่ผมได้เคยนำเสนอมาแล้วมีข้อแตกต่างกับการพยากรณ์ของหมอดูเมืองไทยจำนวนไม่น้อย ซึ่งมีอิทธิพลอย่างยิ่งต่อความเชื่อของประชาชนคนไทยจำนวนมาก โดยให้ถือว่าวันที่ ๑ มกราคม เป็นวันเริ่มต้นของดวงเมืองประจำปีนั้น ทั้งยังถือว่า เป็นวันเปลี่ยนแปลงปีนักษัตรด้วย ซึ่งตามหลักวิชาการโหราศาสตร์ไทยจะเปลี่ยนแปลงในวันขึ้นหนึ่งค่ำเดือนห้า หรือวันเถลิงศก และวันที่ ๑๕ หรือ ๑๖ เมษายน เป็นวันเปลี่ยนปีนักษัตร วันสงกรานต์ วันเปลี่ยนจุลศักราชดังเช่นที่โบราณจารย์ได้ถือปฏิบัติกันมาเป็นเวลานานแสนนาน

            อนึ่งการพยากรณ์ดวงชะตาของแต่ละบุคคลประจำปีนั้น จะต้องเริ่มต้นจากวันที่เจ้าชะตามีอายุมาครบรอบปีซึ่งเป็นวันที่ดวงอาทิตย์โคจรถึงราศี องศา ลิปดา ของดวงอาทิตย์เดิมในดวงชะตาศัพท์เทคนิคกรณีนี้ว่า “Solar Return” หาได้เริ่มตั้งแต่วันที่ ๑ มกราคมไม่ ต่อจากนั้น จึงผูกดวงชะตาในวันนั้นขึ้นใหม่ คำนวณหาว่า ในปีนั้น ดาวพระเคราะห์ดวงใดทำหน้าที่เป็นดาวประจำตัว สถิตอยู่ในเรือน หรือ ภพของดวงชะตาภพใด ให้คุณหรือให้ทุกข์โทษ สถานภาพของดาวพระเคราะห์แต่ละดวงเป็นอย่างไรโคจรตามปกติ หรือ วิกลคติ สถิตในราศีที่เป็นเกษตร ประเกษตร เป็นอุจจ์ เป็นนิจ ฯลฯ แล้วจึงพยากรณ์ไปตามนั้น การพยากรณ์ดวงเมืองไทยประจำปีก็เช่นเดียว วิธีการพยากรณ์แบบนี้ ตามหลักโหราศาสตร์สากลเรียกว่า “Progressed Astrology” โหราศาสตร์ฮินดู เรียกว่า “Varshaphal” และโหราศาสตร์ไทยโบราณเรียกว่า “ทินวรรษ” 

            ดวงเมืองของประเทศเรา ซึ่งในวงการโหราศาสตร์ไทยได้ยอมรับใช้ในการพยากรณ์ คือ วันที่ ๒๑ เมษายน พ.ศ.๒๓๒๕ เวลา ๐๖:๕๔ นาฬิกา ซึ่งเป็นวันพระราชพิธีตั้งเสาหลักเมือง กรุงเทพมหานคร โดยพระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลก องค์ปฐมบรมราชจักรีวงศ์ ได้ทรงกำหนดพระฤกษ์นี้ด้วยพระองค์เอง ตามดวงเมืองนี้ ลัคนา หรือ จุดกึ่งกลางของภพที่ ๑ สถิตในราศีเมษ ๒๓ องศา ๕๖ ลิปดา และดวงอาทิตย์สถิตในราศีเมษ ๑๐ องศา ๙ ลิบดา 

            ปี พ.ศ.๒๕๕๒ (ระหว่างวันที่ ๒๔ เมษายน ๒๕๕๒ ถึงวันที่ ๒๓ เมษายน ๒๕๕๓) ผลการคำนวณปรากฏว่า ดาวจันทร์เป็นดาวประจำเมืองประจำปี ดาวจันทร์จึงเป็นตัวแปรสำคัญชี้ชะตาของดวงเมือง ดวงชะตาเมืองฯ นี้ มีลัคนาหรือเรือนที่ ๑ สถิตอยู่ในราศีกรกฎ มีดาวจันทร์ซึ่งเป็นดาวประจำเมืองสถิตอยู่ในราศีมีน ๒๗ องศา ๔๗ ลิปดา และดวงอาทิตย์สถิตอยู่ในราศีเมษ ๑๐ องศา ๙ ลิปดา อยู่ร่วมกันในเรือนที่ ๑๐ เป็นภพที่หมายถึงการบริหารประเทศ หากเปรียบเทียบกำลังระหว่างดวงอาทิตย์กับดาวจันทร์แล้ว ดวงอาทิตย์มีกำลังสูงกว่าดาวจันทร์มากเพราะมีสภาพเป็นอุจจ์ ดวงอาทิตย์นี้มีความหมายเกี่ยวกับเกียรติยศชื่อเสียง ดังนั้น น่าจะพยากรณ์ได้ว่า ในปี พ.ศ.๒๕๕๒ นี้ การบริหารประเทศภายใต้การนำของคุณอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ จะก้าวหน้าไปได้ด้วยดี สร้างเกียรติยศชื่อเสียงให้แก่ประเทศ ในเรือนที่ ๒ ภพเกี่ยวแก่ทรัพยากร เศรษฐกิจการคลังของประเทศ สถิตอยู่ในราศีสิงห์ ๑ องศา ๒๓ ลิปดา ไม่มีดาวพระเคราะห์ใดครองอยู่ จึงต้องพิจารณาดวงอาทิตย์ที่เป็นเจ้าของราศีสิงห์ว่าไปสถิตอยู่ที่ใด ดังนั้น เมื่อดวงอาทิตย์ไปสถิตอยู่ในเรือน และภพที่ ๑๐ ทั้งยังกำลังสูงเนื่องจากมีสภาพเป็นอุจจ์ดังกล่าวข้างต้น จึงมีความเป็นไปได้ที่วิกฤติปัญหาทางเศรษฐกิจการคลังของประเทศในปีที่ผ่านมาจะได้รับการแก้ไขอย่างถูกทาง สามารถฟันฝ่าอุปสรรคต่างๆ ไปได้ด้วยดี ในเรือนที่ ๓ ภพเกี่ยวเหตุการณ์กับประเทศเพื่อนบ้าน มีดาวเสาร์ซึ่งสถิตในราศีสิงห์ ๒๑ องศา ๒๒ ลิปดา ครองเรือนอยู่ แต่ไม่มีกำลังมากนัก ถึงแม้ว่า เรือนนี้ดาวอังคารและดาวมฤตยูทำมุมเล็งประมาณ ๑๘๐ องศา ซึ่งอาจส่งผลให้เกิดอุบัติเหตุ มีการกระทบกระทั่งกับประเทศเพื่อนบ้าน ทำให้เกิดการเลือดตกยางออกกันบ้าง แต่เนื่องจากดาวศุกร์มีกำลังสูงเพราะเป็นอุจจ์เช่นกันอยู่ร่วมเล็งด้วย จึงสามารถคุมสถานการณ์ไว้ได้ 

            ในเรือนที่ ๔ ภพเกี่ยวกับเหตุการณ์ภายในประเทศ สถิตอยู่ในราศีตุล ๐ องศา ๒๐ ลิปดา ไม่มีดาวพระเคราะห์ใดสถิตอยู่ ดาวศุกร์ซึ่งเป็นเจ้าเรือนราศีสถิตอยู่ในราศีมีน ๕ องศา ๕๘ ลิปดา ร่วมกับดาวอังคาร คู่มิตร สถิตอยู่ในราศีมีน ๗ องศา ๑๕ ลิปดา และดาวมฤตยูสถิตอยู่ในราศีมีน ๐ องศา ๕๓ ลิปดา ดาวพระเคราะห์ทั้งสามสถิตอยู่ในเรือนที่ ๙ ภพที่เกี่ยวกับขบวนการยุติธรรม การสาธาณสุข การศาสนา การศึกษา และกิจการต่างประเทศ จึงน่าจะพยากรณ์ว่า ผลของการพิจารณาความของคดีต่างๆ ที่ยังค้างคาอยู่จะเริ่มปรากฏผลทะยอยออกมาเรื่อยๆ กิจการศาสนา การสาธารณสุข การศึกษาจะได้รับการพัฒนาไปในทางที่ดี ความสัมพันธ์กับต่างประเทศ รวมทั้งอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวภายใน และต่างประเทศ จะเจริญเติบโตขึ้นอย่างไม่คาดคิด อย่างไรก็ตาม ด้วยอิทธิพลของดาวมฤตยูซึ่งเกาะกุมดาวอังคารอยู่ และมีความหมายเกี่ยวกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นโดยฉับพลันโดยไม่คาดคิด จึงต้องตั้งอยู่บนความไม่ประมาท ระมัดระวังเป็นพิเศษในเรื่องอุบัติภัยต่างๆ ทั้งทางบก ทางน้ำ และทางอากาศ ที่ทำให้เกิดเลือดตกยางออกสูญเสียชีวิตทรัพย์สินบาดเจ็บทุพพลภาพไว้ด้วย 

            เรือนที่ ๕ ภพเกี่ยวกับการเสี่ยงในการลงทุน การเล่นหุ้น เรือนนี้สถิตอยู่ในราศีพิจิก ๐ องศา ๕๒ ลิปดา ไม่มีดาวพระเคราะห์อาศัยอยู่ แต่มีดาวพุธซึ่งสถิตอยู่ในราศีพฤษภ ๐ องศา ๑๒ ลิปดา ทำมุมเล็งประมาณ ๑๘๐ องศา และในขณะนี้ดาวพุธมีสภาพเป็นดาวบาปเคราะห์ จึงมีแนวโน้มว่า จะเกิดปัญหาเกี่ยวกับม็อบอยู่บ้าง ทำให้กระทบกระเทือนการลงทุน และตลาดหุ้นอยู่บ้างแต่คงไม่รุนแรงบานปลาย สามารถควบคุมสถานการณ์ได้ เรือนที่ ๖ ภพเกี่ยวกับสุขภาพ ข้าทาษบริวาร และศัตรูภายใน สถิตอยู่ในราศีธนู ๑ องศา ๒๓ ลิปดา เรือนนี้ไม่ดาวพระเคราะห์อาศัยอยู่ ดาวพฤหัสบดีซึ่งเป็นเจ้าของราศีได้ไปสถิตอยู่ในเรือนที่ ๘ ภพมรณะ จึงมีความเป็นไปได้ที่จะมีการสูญเสียปูชนียบุคคล เกิดโรคระบาด ศัตรูยังคงไม่วางมือมีการเตรียมการอยู่ใต้ดิน ผู้ใต้บังคับบัญชาประพฤติออกนอกลู่นอกทาง หรือปล่อยเกียร์ว่าง จึงไม่ควรประมาท 

            ในเรือนที่ ๗ ซึ่งเป็นภพเกี่ยวกับศัตรูเปิดเผย ได้แก่พรรคฝ่ายค้าน สถิตในราศีมังกร ๑ องศา ๕๕ ลิปดา มีราหูอาศัยอยู่ในราศีเดียวกันที่ ๑๐ องศา ทำมุมเบียนประมาณ ๙๐ องศา กับดวงอาทิตย์ซึ่งสถิตอยู่ในเรือนที่ ๑๐ จึงถูกพลังของดวงอาทิตย์ที่เป็นอุจจ์ทำลายอำนาจของราหู และดาวเสาร์เจ้าของราศีเรือนที่ ๗ โดยสิ้นเชิง เรือนที่ ๘ ภพมรณะ สถิตในราศีกุมภ์ ๒๓ องศา ๑ ลิปดาห์ มีดาวเสาร์เป็นเจ้าของราศี มีดาวพระเคราะห์ได้แก่ดาวพฤหัสบดี และดาวเน็ปจูนอาศัยอยู่ การที่ดาวพฤหัสบดีสถิตอยู่ภพนี้จึงเป็นเรื่องเกี่ยวกับการสูญเสียปูชนียบุคคลดังกล่าวแล้วข้างต้น 

            ตั้งแต่เรือนที่ ๙ ๑๐ ๑๑ ได้กล่าวถึงความสัมพันธ์ของดาวพระเคราะห์บางดวงไว้แล้ว จึงไม่ขอกล่าวซ้ำอีก ยังคงเหลือเรือนที่ ๑๒ ภพวินาศ ซึ่งสถิตอยู่ในราศีมิถุน ๑ องศา ๒๓ ลิปดา ในเรือนนี้ไม่มีดาวพระเคราะห์อาศัยอยู่ ดาวพุธที่เจ้าของราศีของเรือนที่ ๑๒ สถิตอยู่ในเรือนที่ ๑๑ ภพเกี่ยวกับผลประโยชน์ของแผ่นดิน แต่คงจะไม่ได้รับเต็มเม็ดเต็มหน่วยนัก เนื่องจากขณะนี้ดาวพุธมีสภาพเป็นดาวบาปเคราะห์ดังที่กล่าวไว้แล้วข้างต้น 

            จึงอาจกล่าวสรุปได้ว่า ดวงเมืองประจำปี พ.ศ.๒๕๕๒ จะรุ่งโรจน์สดใสมากกว่าปีที่แล้ว ทั้งในด้านการบริหารราชการแผ่นดิน เศรษฐกิจการคลัง กระบวนการยุติธรรม การสาธรณสุข การศาสนา และการต่างประเทศ อุตสาหกรรมการท่องเที่ยว การก่อกวนคอยจับผิดรัฐบาลโดยพรรคการเมืองฝ่ายค้านรวมทั้งความพยายามก่อม็อบ สร้างสถานการณ์ใส่ร้ายป้ายสีให้แก่รัฐบาลโดยกลุ่มคนเสื้องแดงอาจนำความระคายเคืองมาให้บ้าง หากรัฐบาลภายใต้การนำของคุณอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี มีความอดทนอดกลั้น มีสัจจะ มีจาคะคือการเสียสละ มีความเพียรแน่วแน่ที่จะแก้ไขปัญหาของประเทศ โดยนำเอาหลักธรรมคำสอนของพระพุทธองค์ มาใช้เป็นแนวทางในการปฏิบัติงาน พลังธรรมคำสอนของพระพุทธองค์จะคุ้มครองป้องกันปกปักรักษาให้สามารถฟันฝ่าอุปสรรควิกฤติปัญหาต่างๆ ไปได้อย่างแน่นอน.

 

ไม่มีความคิดเห็น: