วันจันทร์ที่ 4 พฤษภาคม พ.ศ. 2552

ดวงเมืองปี 2552 เขียนโดย สาม เสมา

ดวงเมืองปี 2552 พิมพ์

 
เขียนโดย สาม เสมา   
วันพุธที่ ๐๘ เมษายน ๒๕๕๒ เวลา ๑๑:๑๘ น.
            การพยากรณ์ดวงชาตาบ้านเมืองแต่ก่อนนั้นเป็นหน้าที่ของโหรหลวงที่จะต้องถวายคำพยากรณ์แก่องค์พระมหากษัตริย์ ซึ่งบุคคลธรรมดาสามัญนั้นมิสามารถที่จะทราบรู้ได้ ต่อเมื่อกรมโหรมิได้มีในปัจจุบันแล้ว อีกทั้งวิชาโหราศาตร์ก็ได้เผยแพร่ลงสู่สามัญชนและบุคคลทั่วไปก็สามารถศึกษากันได้ ดังนั้นในแต่ละปีก็จะมีท่านผู้รู้ ต่างก็มาทำนายทายทักเหตุการณ์ที่จะเกิดขึ้น โดยความแม่นยำนั้น ก็มีหลายท่านที่สามารถทำนายได้อย่างถูกต้อง กระผมเองในฐานะเป็นนักศึกษาโหราศาสตร์ ซึ่งก็ศึกษามาพอสมควรแต่ก็ยังไม่รู้ว่าจะจบหลักสูตรเมื่อไหร่ เพราะมีหลักวิชามากมายเหลือเกิน ก็จะขอใช้วิชาความรู้ที่ศึกษามาลองวิจารณ์ดวงเมือง โดยอาจจะเป็นประโยชน์แก่ผู้พบเห็น หรือผู้ที่ต้องการจะแลกเปลี่ยนทัศนะในภาษาโหรกัน เพื่อเพิ่มพูนความรู้ให้มากยิ่งขึ้น

            ในการพยากรณ์ดวงชาตานั้น แต่ก่อนท่านจะพิจารณากันประจำปี โดยเอาวันครบรอบวันเกิดมาพยากรณ์กันครั้งหนึ่ง โดยผมจะใช้ “ดวงวรรษจักรา” ในวันครบรอบวันเกิดของดวงเมือง แต่ดวงวรรษจักรานี้ใช้ทำนายเหตุการณ์ในรอบหนึ่งปี ซึ่งไม่สามารถบอกได้ว่าเหตุการณ์นั้นๆ จะเกิดช่วงไหน โดยผมจะใช้ดาวจรที่มากระทบกับดวงเดิมมาพยากรณ์หาช่วงเวลาที่จะเกิด ตลอดจนจะนำดวงชาตาของผู้ที่เกี่ยวของมาพิจารณาร่วมด้วยเพื่อเป็นการสอบเทียบให้ถูกต้องมากยิ่งขึ้น

            แต่เนื่องจากว่าในปัจจุบันนั้นโหรและหมอดูในบ้านเราใช้การผูกดวงและปฏิทินแบ่งเป็น ๒ แบบด้วยกัน กล่าวคือตามแบบปฏิทินสุริยยาตร์ซึ่งเป็นคัมภีร์ดั่งเดิมแบบหนึ่ง และแบบใช้ปฏิทินดาราศาตร์ตัดอายะนางศะแบบลาหิรีอีกแบบหนึ่ง โดยความแม่นยำถูกต้องนั้น ต่างก็ถกเถียงกันมาตั่งแต่รุ่นครูบาอาจารย์จนถึงรุ่นลูกศิษย์ และคิดว่ายังจะคงถกเถียงกันต่อไปไม่สิ้นสุด โดยจะไม่ขอกล่าวถึงในที่นี้ โดยการพยากรณ์ของผมนั้น จะใช้ปฏิทินดาราศาตร์ตัดค่าอายะนางศะแบบลาหิรี และใช้การพยากรณ์ตามแนวทางและตำราของท่านปรมาจารย์เทพย์ สาริกบุตรเป็นหลัก
 


            ดวงวรรษจักรา หรือ Solar Return ตามที่โหรตะวันตกเรียกนั้น ตามดวงเมืองในปีนี้จะตรงกับวันที่ ๒๔ เม.ษ. เวลาประมาณ ๑๑. ๓๙ น. เมื่อผูกดวงเฉลิมเป็นรูปชาตาดวงเมืองแล้ว จะมีดาวต่างๆอยู่ในตำแหน่งดังต่อไปนี้
 
            ลัคนาคำนวณโดยใช้เวลานักษัตร สถิตย์ราศีกรกฎ 2 องศา เสวยเพชฌฆาฏฤกษ์ตามฤกษ์บน และเสวยราชาฤกษ์ต่ามฤกษ์ล่าง เกาะนวางค์จันทร์ กรกฎ ได้วรโคตมนวางค์

            ดาวอาทิตย์ สถิตย์ราศีเมษ 10 องศา 9 ลิปดา เสวยทลิทโทฤกษ์ตามฤกษ์บน และเสวยมหัทโนฤกษ์ตามฤกษ์ล่าง เกาะนวางค์จันทร์ กรกฎ

            ดาวจันทร์ สถิตย์ราศีมีน 27 องศา 47 ลิปดา เสวยสมโณฤกษ์ตามฤกษ์บน เกาะนวางค์พฤหัส มิน ได้วรโคตมนวางค์

            ดาวอังคาร สถิตย์ราศีมีน 7 องศา 15 ลิปดา เสวยราชาฤกษ์ตามฤกษ์บน และเสวยสมโนฤกษ์ตามฤกษ์ล่าง เกาะนวางค์พุธ กันย์

            ดาวพุธ สถิตย์ราศีพฤษภ 0 องศา 12 ลิปดา เสวยโจโรฤกษ์ตามฤกษ์บน และเสวยภูมิปาโลฤกษ์ตามฤกษ์ล่าง เกาะนวางค์เสาร์ มังกร

            ดาวพฤหัส สถิตย์ราศีมังกร 28 องศา 59 ลิปดา เสวยเทศาตรีฤกษ์ตามฤกษ์บน และเสวยเทวีฤกษ์ตามฤกษ์ล่าง เกาะนวางค์พุธ กันย์

            ดาวศุกร์ สถิตย์ราศีมีน 5 องศา 59 ลิปดา เสวยราชาฤกษ์ตามฤกษ์บน และเสวยสมโนฤกษ์ตามฤก์ล่าง เกาะนวางค์อาทิตย์ สิงห์

            ดาวเสาร์ สถิตย์ราศีสิงห์ 21 องศา 22 ลิปดา เสวยมหัทธโณฤกษ์ตามฤกษ์บน และเสวยโจโรฤกษ์ตามฤกษ์ล่าง เกาะนวางค์ศุกร์ ตุลย์ พักร์

            ราหูสารัมภ์ สถิตย์ราศีมังกร 10 องศา 53 ลิปดา เสวยภูมิปาโลฤกษ์ตามฤกษ์บน และเสวยเทศาตรีฤกษ์ตามฤกษ์ล่าง เกาะนวางค์อังคาร เมษ

            ดาวมฤตยู สถิตย์ราศีมีน 0 องศา 53 ลิปดา เสวยเพชฌฆาฏฤกษ์ตามฤกษ์บน และเสวยราชาฤกษ์ตามฤกษ์ล่าง เกาะนวางค์จันทร์ กรกฎ

            ดาวเนปจูน สถิตย์ราศีกุมภ์ 2 องศา 9 ลิปดา เสวยเทศาตรีฤกษ์ตามฤกษ์บน และเสวยเทวีฤกษ์ตามฤกษ์ล่าง เกาะนวางค์ศุกร์ ตุลย์

            ดาวพลูโต สถิตย์ราศีธนู 9 องศา 12 ลิปดา เสวยทลิทโทฤกษ์ตามฤกษ์บน และเสวยมหัทโนฤกษ์ตามฤก์ล่าง เกาะนวางค์พุธ มิถุน พักร์

            ทศมลัคน์ สถิตย์ราศีเมษ 0 องศา 25 ลิปดา เสวยทลิทโทฤกษ์ตามฤกษ์บน และเสวยมหัทโนฤกษ์ตามฤกษ์ล่าง เกาะนวางค์อังคาร เมษ ได้วรโคตมนวางค์

            ลัคนาตามดวงชาตาได้ตำแหน่งวรโคตมนวางค์ ถือว่าให้คุณมากสามารถคุ้มโทษคุ้มภัยให้กับบ้านเมืองได้ แต่ว่าตำแหน่งวรโคตมนวางค์นั้น ครูบาอาจารย์ท่านว่าให้คุณในทำนองบุญฤทธิ์ กล่าวคือค่อยเป็นค่อยไป ซึ่งดูจากทั้งฤกษ์ล่างและฤกษ์บนที่ลัคนาสถิตย์อยู่ ก็ต้องเป็นไปในลักษณะดังกล่าว

            เมื่อพิจารณาในราศีจักรมีดาวเนปจูนมาทำมุมโยคร้าย ๑๕๐ องศา ในภพมรณะ ซึ่งดาวเนปจูนนี้เข้มแข็งด้วย ดังนั้นอาจจะเกิดการสูญเสีย หรือเหตุเภทภัยอันเกิดจากทางน้ำได้ในช่วงปีนี้ และจะเห็นได้ว่ามีดาวมฤตยูทำมุมโยคดี ๑๒๐ องศากับลัคนาในภพที่ ๙ ซึ่งทายได้ว่า ในปีนี้จะมีการพัฒนา มีการร่วมมือในทางเทคโนโลยีต่างๆกับต่างชาติมากขึ้น (ดาวมฤตยู-ศุภะ)

            เมื่อพิจารณาภพเกณฑ์จากลัคนา ซึ่งถือว่าเป็นภพที่เข้มแข็งและให้ผลมากในดวงวรรษจักรา จะพบว่ามีทั้งดาวศุภเคราะห์และบาปพระเคราะห์ปะปนกันอยู่ โดยเฉพาะอย่างยิ่งมีราหูอยู่ที่ภพที่ ๗ ซึ่งถือว่าเป็น “ภินทุบาทว์” ตามที่โหรโบราณท่านได้รจนาเอาไว้ ถือว่าให้โทษมาก โดยภพนี้สามารภทายถึงศัตรูที่เปิดเผยได้ ยังดีมีดาวพฤหัสเป็นเกณฑ์ร่วม เป็น “นิจภังคราชาโชค” และเป็นปรเกษตร์ในดวงนวางค์ โดยดาวพฤหัสยังทำมุม โยคดี ๖๐ องศากับตนุลัคน์ ซึ่งถึงแม้ว่าจะค่อนข้างอ่อนกำลัง แต่ก็น่าจะทำนายได้ว่า ศัตรูที่เปิดเผยก็ยังคงรบกวนทำร้ายทำลายบ้านเมืองอยู่เนืองๆ แต่ก็จะมีสิ่งศักดิ์สิทธิ์และผู้หลักผู้ใหญ่ (ดาวพฤหัส) พอที่จะคุ้มครองป้องกันได้ โดยราหูนั้นอาจทายได้กับคนต่างชาติต่างภาษา ซึ่งเราอาจจะมีเหตุการณ์วุ่นวายกับประเทศเพื่อนบ้านได้อีกด้วย

            ดาวที่อยู่ในภพเกณฑ์อีกดวงหนึ่งคือดาวอาทิตย์ อยู่ที่ภพกัมมะได้ตำแหน่ง “ปรมอุจน์” ตั่งแต่วางดวงเมืองแต่แรกแล้ว ซึงถือว่าเข้มแข็งอย่างมาก โดยภพกัมมะทายแทนเกี่ยวกับการบริหารบ้านเมืองหรือรัฐบาลได้ โดยอาทิตย์ทำมุมโยคดี ๑๒๐ องศากับดาวพลูโต ซึ่งดาวพลูโตนั้นมีผลเกี่ยวกับการปฏิวัติเปลี่ยนแปลงแบบหน้ามือเป็นหลังมือ แบบคาดไม่ถึง ดังนั้นเมื่อดาวพลูโตมาโยคดีกับอาทิตย์ในภพกัมมะเช่นนี้ จึงทายได้ว่า เราคงได้เห็นการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ในการบริหารราชการงานเมือง ซึ่งเราอาจจะได้เห็นสิ่งที่เรียกว่า “การเมืองใหม่” ในระยะเวลาอันไกล้นี้ก็เป็นไปได้ แต่ทว่าดาวอังคารเจ้าเรือนกัมมะสถิตย์ในราศีมินนั้น ทำมุมโยคร้ายกับพลูโต ดังนั้นการเปลียนแปลงดังกล่าวนี้ ไม่น่าจะเป็นการเปลียนแปลงแบบปกติสามัญวิสัย อาจจะเกิดสิ่งที่คาดไม่ถึงได้ อีกทั้งดาวอังคารก็เป็นเจ้าเรือนปุตตะ (การลงทุน) อีกโสตหนึ่งด้วย ดังนั้นเมื่อเจ้าเรือนการลงทุนมีมุมโยคร้ายเช่นนี้แล้ว การลงทุนในปีนี้ก็ยังจะต้องซบเซาตามทิศทางของภาวะเศรษฐกิจโลกต่อไป โดยภาวะเศรษฐกิจของโลกน่าจะเรื่มฟื้นตัวหลังจากเดือนกันยายนไปแล้ว จากการยกของดาวเสาร์ไปสู่ “ภพอุปจัย” ตามชาตาโลกและชาตาบ้านเมืองของเราด้วย

            ตามดวงชาตาในราศีจักร จะเห็นว่ามีดาวสลับเรือน เป็นปริวรรตนเกษตร์ถึง ๔ ดวงด้วยกัน กล่าวคือ พฤหัสไปอยู่เรือนเสาร์ เสาร์ไปอยู่เรือนอาทิตย์ อาทิตย์ไปอยู่เรือนอังคาร และอังคารไปอยู่เรือนพฤหัส เป็นการสลับเรือนแบบทักษิณาวัฒน์ ซึ่งถึอว่าให้คุณอย่างมาก ดังนั้นเหตุเภทภัยต่างๆ ถึงแม้จะเกิดขึ้น ก็ไม่น่าจะรุนแรงนักในปีนี้

            เมื่อนำดวงวรรษจักรามาคำนวนแบบ “ภวจักร” แล้ว จะพบว่า ถึงแม้ดาวพฤหัสในราศีจักรจะอยู่ในภพที่ ๗ แต่ในภวจักรนั้น ดาวพฤหัสจะเคลื่อนไปอยู่ในภพที่ ๘ ซึ่งเป็นภพมรณะแทน ดังนั้นในปีนี้อาจจะมีการสูญเสียผู้หลักผู้ใหญ่ตลอดจนพระผู้ใหญ่ (เจ้าเรือนศุภะ-มรณะ) ที่สำคัญในบ้านเมืองได้ ซึ่งในดวงภวจักรนั้น จะเห็นว่าจุดศูนย์กลางภพนั้นอยู่ที่ราศีมิน ที่ ๐ องศา ๕๗ ลิปดา ซึ่งมีดาวมฤตยูอยู่ที่จุดศูนย์กลางภพพอดี ซึ่งดาวมฤตยูนี้ สามารถแทนการสูญเสียได้ ซึ่งสอดคล้องกับภพที่ดาวพฤหัสสถิตย์อยู่

            เมื่อตรวจสอบในดวงนวางค์จักร จะพบว่ามีดาวบาปเคราะห์ที่มีกำลังอยู่ในภพเกณฑ์ทั้งนั้นเลย ซึ่งเมื่อเป็นเช่นนี้เราท่านทั้งหลายก็สมควรที่จะไม่ตั่งตนในในความประมาทตามปัจฉิมโอวาทที่พระพุทธองค์ทรงสั่งสอนพวกเราไว้เพื่อที่จะรับมือการเหตุการณ์ทั้งหลายที่จะเกิดขึ้นในขวบปีนี้


            มาลองพิจารณาดาวจรที่จะไปกระทบกับดาวเดิมตามดวงชาตาเมืองที่ล้นเกล้ารัชกาลที่ ๑ ทรงผูกเอาไว้ โดยมีช่วงระยะเวลาที่สำคัญตั่งแต่เดือนเมษายนไปจนถึงปลายเดือนกรกฏาคม ดังนี้

            ๑.    เดือน เมษายน

            -ดาวพลูโตวิกลคติพักรในราศีธนู ที่ ๙ องศา ๑๘ ลิปดา ในวันที่ ๕ เม.ษ.โดยจุดวิกลคติไปทับดาวเสาร์และดาวพฤหัสเดิมที่สถิตย์ที่ราศีธนูแบบสนิทองศา โดยพลูโตเดิมนั้นก็เบียฬกับดาวทั้งสองมาก่อนด้วย ดังนั้นทุกข์โทษจึงยากที่จะเลียงหลีกไปได้ เมื่อดาวพลูโตแทนได้กับการก่อการร้าย การทำร้ายล้าง ดังนั้นเราจึงได้เห็นว่าทั้งศาลสถิตย์ยุติธรรม สถาบันชั้นสูงของชาติ (ดาวพฤหัส-เจ้าเรือนศุภะ) ตลอดจนรัฐบาล (ดาวเสาร์-เจ้าเรือนกัมมะ) ถูกโจมตีอย่างหนัก ยังดีที่ว่าดาวเสาร์จรอยู่ในนวางค์ศุกร์ตุลย์ เป็นอุจน์ มีความเข้มแข็งพอที่จะรักษาตัวให้รอดปลอดภัยได้ แต่ดาวพฤหัสนั้นอ่อนกำลังที่จะต้านทาน

            -ดาวอังคารกุมดาวมฤตยูในราศีมินที่ ๐ องศา ๕๐ ลิปดา ในวันที่ ๑๕ เม.ษ.โดยจุดที่กุมนี้ไปทับดาวศุกร์เดิมที่ภพวินาศน์ ยังดีที่ว่าองศายังห่างแต่ก็ยังอยู่ในข่าย ๓ องศา ดังนั้นดาวศุกร์เจ้าเรือนปัตนิ (ศัตรูเปิดเผย) จะต้องถูกทำลายแบบลับๆโดยทหาร หรือคนในเครื่องแบบ (ดาวอังคาร-ภพวินาศน์) อีกทั้งดาวศุกร์จรถึงแม้ว่าจะเป็นอุจน์ในราศี แต่ก็เกาะนวางค์นิจ อ่อนกำลังดังนั้นศัตรูเปิดเผยของชาติบ้านเมืองขณะนี้ ดูภายนอกเหมือนมีกำลังมาก (เป็นอุจน์ในราศีจักร) แต่แท้จริงแล้วหาได้เป็นเช่นนั้น (เป็นนิจในนวางค์) เข้าตำราที่ว่าข้างนอกสุกใส ข้างในเป็นโพรง ดังนั้นเหตุการณ์ชุมนุมวุ่นวายต่างๆที่เกิดขึ้นไม่มีอะไรน่าเป็นห่วง อีกทั้งดาวศุกร์จรจะเข้าวงพระจันทร์ ไปทับศุกร์เดิมในวันที่ ๒๒ เม.ษ.อีกด้วย กล่าวคือดาวศุกร์จะดับทับตัวเอง เปรียบเสมือนศัตรูที่เปิดเผยก็จะทำลายกันเองในทีสุด โดยมีดาวอังคารที่โคจรร่วมกับศุกร์ในขณะนั้นมาช่วยเพิ่มกระแสการทำลายให้รุ่นแรงมากขึ้นอีกด้วย

            -จันทร์ดับที่ ๑๑ องศา ทับอาทิตย์เดิม ในวันที่ ๒๕ เม.ษ.ในกรณีนี้ถือว่าเป็นบุญของประเทศที่จันทร์ดับครั้งนี้ไม่ตรงกับวันครบรอบวันเกิดของดวงเมือง (วันที่อาทิตย์จรมาตรงกับอาทิตย์เดิม ตามดวงวรรษจักรา) โดยห่างกันเพียงแค่วันเดียว มิเช่นนั้นบ้านเมื่องคงจะต้องดับไปด้วยถึง ๑ ปี แต่ยังไรก็ตาม เหตุการณ์จันทร์ดับครั้งนี้ก็มีผลประมาณ ๑ เดือน ซึ่งอาทิตย์แทนผู้มียศฐาบรรดาศักดิ์ ชนชั้นผู้ปกครอง และแทนประชาชนก็ได้ (เจ้าเรือนปุตตะ) ซึ่งบุคคลเหล่านั้นก็จะต้องเสื่อมเสียเกียติยศกันไปชั่วขณะหนึ่ง โดยเมื่อตรวจสอบการโคจรของดาวในรอบเดือนหลังจากที่อาทิตย์ถูกจันทร์ดับทับแล้ว ก็ไม่พบว่ามีดาวบาปพระเคราะห์ดวงใดโคจรมาซ้ำที่จุดเดียวกันนี้ ดังนั้นผลของจันทร์ดับก็ไม่น่าจะมีอะไรมากนัก

            ๒.    เดือนพฤษภาคม

            -ดาวพฤหัสยกเข้าราศีกุมภ์ในวันที่ ๑ พ.ค.

            -จันทร์เพ็ญที่จุดอัสตมลัคน์ (จุดศูนย์กลางภพที่ ๗) ในวันที่ ๙ พ.ค.

            -ดาวเสาร์เปลียนวิถีจรเป็นเดินปกติวันที่ ๑๗ พ.ค.ที่ ๒๐ องศา ๕๕ ลิปดา

            โดยภายในเดือนนี้น่ามีเหตุการณ์ที่น่าสนใจกล่าวคือ เมื่อดาวพฤหัสยกออกไปจากภพกัมมะ (แทนรัฐบาล) ก็จะทำให้รัฐบาลไม่มีดาวศุภเคราะห์มาคุ้มครอง อีกทั้งดวงท่านนายกฯอภิสิทธิ์ ซึ่งมีลัคนาอยู่ที่ราศีกรกฏ มีอาทิตย์ร่วมลัคน์ และจันทร์ตนุลัคน์อยู่ราศีพฤษก ซึ่งดวงท่านนายกฯดูง่ายมากกล่าวคือ เมื่อดาวพฤหัสยกจากราศีธนูมาราศีมังกรในวันที่ ๑๐ ธค. ปี ๕๑ หลังจากนั้นอีกไม่กี่วันท่านก็ได้เป็นนายกฯ หลังจากที่รอมานานจนไม่มีใครคิดว่าท่านจะได้เป็น โดยในมุมของโหรก็คือดาวพฤหัสส่องแสงถึงลัคน์ ถึงจันทร์ ถึงอาทิตย์พร้อมๆกัน ยศศักดิ์ก็ย่อมจะต้องได้แบบมีราชรถมาเกย หรือเทพประทานมาให้อยู่แล้ว แต่ในเดือน พค. ปีนี้ เมื่อดาวพฤหัสยกไปอยู่ในภพที่ ๘ ดวงท่านนายกฯก็จะต้องอ่อนกำลังเฉกเช่นเดียวกับดวงของรัฐบาล

            โดยในวันที่ ๙ พค. นั้นจุดเพ็ญ (ให้คุณ)ในภพปัตนิ ซึ่งทำให้ศัตรูเปิดเผยตามดวงเมืองกลับมาพอที่จะมีกำลังอีกครั้งหนึ่ง กรปรในวันที่ ๑๗ พค. ดาวเสาร์จะเปลี่ยนวิถี จากพักร์องศามาเป็นการโคจรปกติ โดยดาวเสาร์จะทำมุม ๙๐ องศา ส่งกระแสเต็มที่ (เกณฑ์ ๑๐) ไปที่ดาวอังคารตนุลัน์ของดวงเมืองแบบสนิทองศา ซึ่งเป็นช่วงที่อันตรายอย่างยิ่งเพราะทั้งดาวเสาร์และดาวอังคารต่างก็เป็นบาปพระเคราะห์ให้โทษ ซึ่งอาจจะเกิดการขัดแย้งอย่างรุ่นแรงระหว่างรัฐบาล ประชาชน และทหารได้ แต่อย่างไรก็ตามจุดวิกลคติของดาวเสาร์นี้ไปทับดาวพลูโตตามดวงท่านนายกฯ โดยไม่ได้ถูกดาวสำคัญๆใดๆ ต่างกับคราวที่ดาวเสาร์วิกลคติพักรครั้งก่อน องศาไปตรงกับดาวจันทร์ตนุลันค์ ท่านจึงประสบอุบัติเหตุทางรถยนต์ตอนที่รณรงค์หาเสียงเลือกตั่ง (ท่านที่สนใจลองไปค้นข้อมูลเพิ่มเติมดู)

            ดังนั้นจึงน่าที่พอสรุปได้ว่า ถึงแม้จะเกิดเหตุการณ์ขัดแย้งรุนแรง แต่รัฐบาลน่าที่จะพอประคับประคองตัวเองไปได้

            ๓.    เดือนมิถุนายน

            ช่วงวันที่ ๒๓ มิ.ย. เกิดปรากฏการณ์จันทร์ทับดาวมฤตยูเดิมในราศีเมถุน และ ดาวพลูโตเพ็ญเล็งมฤตยูเดิม และทับพฤหัสและเสาร์เดิม โดยผลในครั้งนี้น่าจะคล้ายกับครั้งที่ดาวพลูโตพักร์องศาในเดือนเมษายน แต่ทว่าครั้งนี้มีจันทร์ดับมาร่วมวง อีกทั้งพลูโตได้รับแสงจากอาทิตย์เต็มที่ (เล็งกัน ๑๘๐ องศา) ทำให้ผลที่เกิดขึ้นน่าจะรุนแรงมากกว่า อย่างไรก็ตามดาวเสาร์จรยังเกาะนวางค์อุจน์แห่งตน ทำให้มีกำลังพอที่จะต้านทานเอาไว้ได้

            ๔.    เดือนกรกฏาคม

            ในเดือนนี้มีปรากฏการณ์ดวงดาวที่สำคัญคือ ดาวมฤตยูวิกลคติพักร์ทับดาวศุกร์เจ้าเรือนปัตนิ (ศัตรูเปิดเผย) แบบสนิทองศา แต่ยังดีที่ดาวศุกร์จรอยู่ในราศีพฤษกเป็นเกษตรพอที่จะมีกำลังอยู่บ้าง ยังไรก็ตามจะเห็นได้ว่าศัตรูเปิดเผยของบ้านเมืองนั้นได้ถูกทำลายอย่างต่อเนื่อง โดยดาวพฤหัสจะยกกลับมาที่ราศีมังกรอีกครั้งหนึ่งในวันที่ ๓๐ กค. ซึ่งถ้ารัฐบาลสามารถประคับประคองดูแลในช่วงระยะเวลาดังกล่าวให้ดีแล้ว สถานการณ์ต่างๆ ทั้งเศรษฐกิจหรือการเมืองก็จะเปลี่ยนแปลงไปในทางที่ดีขึ้น...

http://www.paisalvision.com/paisal/index.php/2008-11-27-09-34-36/2008-12-08-03-15-07/1666-2009-04-08-04-22-46

 

ไม่มีความคิดเห็น: