วันศุกร์ที่ 18 เมษายน พ.ศ. 2551

E-Commerce มะกันทะลุแสนล้านเหรียญ

E-Commerce มะกันทะลุแสนล้านเหรียญ
การสำรวจธุรกิจออนไลน์ของสหรัฐฯตลอดปี 2006 พบว่าเม็ดเงินที่ชาวอเมริกันใช้จับจ่ายซื้อสินค้าและบริการผ่านเว็บไซต์นั้น มีมูลค่าเกิน 1 แสนล้านเหรียญสหรัฐ หรือประมาณ 3.59 ล้านล้านบาทแล้ว ถือเป็นหลักไมล์ใหม่ที่เป็นสัญญาณบอกว่าอุตสาหกรรมนี้น่าจะเติบโตต่อเนื่องไ ปอีกหลายปีข้างหน้า

การสำรวจธุรกิจออนไลน์ครั้งนี้ดำเนินการโดยบริษัทวิจัย คอมสกอร์เน็ตเวิร์กส์ (comScore Networks) ผลการสำรวจพบว่ายอดการซื้อสินค้าและบริการผ่านอินเทอร์เน็ต (รวมค่าแพคเกจทัวร์) ตลอดปี 2006 นั้นเพิ่มขึ้นจากปี 2005 ราว 24 เปอร์เซ็นต์ มีจำนวนทั้งสิ้น 1.021 แสนล้านเหรียญ หรือประมาณ 3.66 ล้านล้านบาท

โดยช่วงเวลาทองของปีที่ยอดจำหน่ายมีการเติบโตสูงสุดคือช่วงปลายปี พฤศจิกายน-ธันวาคม ตัวเลขยอดจำหน่ายในช่วงเวลาดังกล่าวคือ 2.46 หมื่นล้านเหรียญ (ประมาณ 8.82 แสนล้านบาท) เพิ่มขึ้น 26 เปอร์เซ็นต์เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปี 2005

"ตอนนี้อีคอมเมิร์ชเป็นมากกว่ากระแสหลักในตลาด" เจฟฟรีย์ เกรา (Jeffrey Grau) นักวิเคราะห์อาวุโสของบริษัทวิจัยตลาดอีมาร์เก็ตเตอร์ (eMarketer) กล่าว "กลุ่มนักช้อปออนไลน์นั้นใหญ่ขึ้น ขณะเดียวกันสินค้าที่เปิดจำหน่ายบนโลกออนไลน์ก็มีมากขึ้นกว่าในอดีต"

มูลค่าตลาดอีคอมเมิร์ชในปีนี้มีมูลค่าน้อยกว่าที่บริษัทวิเคราะห์ตลา ดโคเวนแอนด์โค (Cowen and Co.) เคยทำนายไว้ว่าจะเพิ่มขึ้นเป็น 108 แสนล้านเหรียญ โดยในครั้งนั้น โคเวนพยากรณ์ไว้ด้วยว่ามูลค่าตลาดอีคอมเมิร์ชสหรัฐฯจะพุ่งขึ้นไปแตะ 2.25 แสนเหรียญได้ในปี 2011

"สำหรับปี 2007 เราคาดว่าอีคอมเมิร์ชของสหรัฐฯจะเพิ่มขึ้นราว 20 เปอร์เซ็นต์ ปัจจัยหนุนมาจากความแพร่หลายของอินเทอร์เน็ตความเร็วสูง การตั้งราคาขายสินค้าบนโลกออนไลน์นั้นถูกลง และความสะดวกสบายในการซื้อสินค้าและบริการออนไลน์ที่เพิ่มขึ้น" โคเวนระบุในรายงาน

ตัวเลขในรายงานของโคเวน มีนัยว่าอีก 5 ปีข้างหน้า การค้าขายผ่านอีคอมเมิร์ชจะคิดเป็นสัดส่วน 4.7 ของตลาดค้าปลีกของสหรัฐฯทั้งหมด เพิ่มขึ้นจาก 2.7 เปอร์เซ็นต์ที่คำนวณได้จากปี 2006

"ผู้ค้าปลีกจะต้องหันมาเอาใจใส่กับธุรกิจออนไลน์ ไม่เช่นนั้นอาจจะทำให้ตัวเองไล่ตามคนอื่นไม่ทัน" เกรากล่าว "แม้จะยังไม่มีตัวเลขแน่ชัดว่าอัตราการเติบโตจะเป็นเท่าใด แต่มันชัดเจนแล้วว่าตลาดออนไลน์ขยายตัวทับตลาดค้าปลีกออฟไลน์"

แนวโน้มดังกล่าวไม่จำกัดเฉพาะในตลาดค้าปลีกของสหรัฐฯเท่านั้น ประเทศในเอเชียอย่างเกาหลีใต้ ซึ่งเป็นประเทศที่มีสถิติผู้ใช้อินเทอร์เน็ตความเร็วสูงมากที่สุกประเทศถึงใ นโลก ก็มีสัดส่วนตลาดค้าปลีกออนไลน์มากขึ้น โดยคิดเป็น 8 เปอร์เซ็นต์ของตลาดค้าปลีกรวม ขยายตัวเร็วกว่าตลาดค้าปลีกออฟไลน์ถึง 3 เท่า

เรามองว่านอกจากเบื้องหลังความสำเร็จของธุรกิจออนไลน์ของสหรัฐฯ จะเป็นความสะดวกสบายที่ผู้บริโภคได้รับ และความหลากหลายของสินค้า ตั้งแต่เครื่องเพชรไปจนถึงเฟอร์นิเจอร์ ที่ปัจจุบันมีบริการสตรีมมิ่งวีดีโอให้ผู้ซื้อเห็นภาพจำลองเมื่อวางเครื่องเ รือนที่ต้องการลงในห้องของผู้ซื้อ ยังมีอีกหนึ่งปัจจัยคือความนิยมในการดาวน์โหลดภาพยนตร์ และเพลงบนอินเทอร์เน็ต โดยเกราให้ข้อมูลพยากรณ์มูลค่าตลาดอีคอมเมิร์ชที่อีมาร์เก็ตเตอร์ทำนายไว้ ว่าตลาดจะเติบโตราว 22 เปอร์เซ็นต์ในปี 2007 นี้ มูลค่าราว 1.32 แสนล้านเหรียญ (รวมธุรกิจจองแพคเกจทัวร์)

ข้อมูลจาก manager.co.th

ไม่มีความคิดเห็น: