วันศุกร์ที่ 24 เมษายน พ.ศ. 2552

‘แรงงานนอกระบบ’ วอนรัฐสร้างหลักประกันรับวิกฤติ

'แรงงานนอกระบบ' วอนรัฐสร้างหลักประกันรับวิกฤติ 

 

นายสมคิด  ด้วงเงิน ในฐานะประธานเครือข่ายแรงงานนอกระบบระดับชาติ  ส่งจดหมาย 'ข้อเสนอเพื่อสร้างหลักประกันสำหรับแรงงานนอกระบบในช่วงวิกฤตเศรษฐกิจ' ถึงนายกรัฐมนตรี เสนอแก้กฎหมายกฎหมายประกันสังคม ปรับปรุงสิทธิประโยชน์ของผู้ประกันตนโดยสมัครใจ โดยเนื้อหาในจดหมายระบุรายละเอียดว่า...

 

เครือข่ายแรงงานนอกระบบระดับชาติ  ประกอบด้วยกลุ่ม ผู้รับงานไปทำที่บ้าน เกษตรกรพันธสัญญาและแรงงานรับจ้างในภาคเกษตร พนักงานในสถานบริการ กลุ่มมอเตอร์ไซด์รับจ้าง  กลุ่มแรงงานคุ้ยขยะและซาเล้ง หาบเร่แผงลอย และกลุ่มขับรถแท็กซี่  ซึ่งทำงานเลี้ยงชีพตนเองและครอบครัวในลักษณะแตกต่างกันโดยไม่มีนายจ้างหรือมีนายจ้าง ซึ่งถูกยกเว้นไม่ได้รับความคุ้มครองจากกฎหมายประกันสังคมของรัฐบาล  ทำให้ขาดหลักประกันรายได้ทั้งขณะทำงานและเมื่อพ้นวัยทำงานเข้าสู่วัยชรา  แม้ว่าปัจจุบันรัฐบาลมีนโยบายการขยายประกันสังคมสู่แรงงานนอกระบบ โดยเพิ่มประสิทธิภาพการบังคับใช้มาตรา 40 แห่งพระราชบัญญัติประกันสังคม พ.ศ.2533  แต่ยังไม่มีการปรับปรุงสิทธิประโยชน์ที่สอดคล้องกับบริบทและความต้องการของแรงงานนอกระบบโดยรวม  นอกจากนี้แรงงานนอกระบบไม่ได้รับความเป็นธรรมจากมาตรการการแก้ไขปัญหาวิกฤตเศรษฐกิจตามนโยบายของรัฐบาลเกี่ยวกับการจัดสรรเงินงบประมาณสมทบให้แก่แรงงานที่มีสถานะเป็นลูกจ้าง  ผู้ประกันตนในกองทุนประกันสังคมซึ่งไม่ครอบคลุมแรงงานนอกระบบทั้งที่เสริมสร้างเศรษฐกิจให้กับประเทศชาติเช่นเดียวกับแรงงานในระบบ

 

ทั้งนี้เพื่อให้เกิดความเสมอภาคและสอดคล้องกับมาตรา 44 แห่งกฎหมายรัฐธรรมนูญ  เครือข่ายแรงงานนอกระบบมีข้อเสนอต่อนโยบายสวัสดิการสังคมของรัฐบาลดังนี้

 

1. เร่งพัฒนามาตรา ๔๐ และพระราชกฤษฎีกาที่เกี่ยวข้องแห่ง พ.ร.บ.ประกันสังคม พ.ศ.2533 ตามมติของคณะอนุกรรมการพัฒนามาตรา ๔๐ฯ ด่วนที่สุดพร้อมกับเร่งผลักดันร่างแก้ไข พ.ร.บ.ประกันสังคม พ.ศ.๒๕๓๓ ซึ่งคณะกรรมการกฤษฎีกาได้พิจารณาเห็นชอบ ในการแก้ไขปรับปรุง พ.ร.บ.ประกันสังคม ฉบับแก้ไขนี้ ที่มีสาระในมาตรา ๔๐  ว่า

 

ให้รัฐบาลจ่ายเงินสมทบเข้ากองทุนตามอัตราที่กำหนดในกฎกระทรวง แต่ไม่เกินกึ่งหนึ่งของเงินสมทบที่ได้รับจากผู้ประกันตน..."   

 

2. ให้มีการปรับปรุงสิทธิประโยชน์ของผู้ประกันตนโดยสมัครใจ ดังนี้ คือ การจ่ายสมทบปีละ 3,360 บาทต่อปีหรือ 280 บาทต่อเดือน  โดยได้รับสิทธิประโยชน์คุ้มครองเพิ่มเป็น 5 ประการ คือ  

 

   1)  กรณีเจ็บป่วย

         Ä  ผู้ประกันตนจะได้รับเงินทดแทนการขาดรายได้เนื่องจากการเจ็บป่วย  (เฉพาะผู้ป่วยใน)  ครั้งละ 1,000 บาท ปีละไม่เกิน 2 ครั้ง  โดยต้องจ่ายเงินสมทบมาแล้วไม่น้อยกว่า 3 เดือน

         Ä  บริการทางการแพทย์ บริการคลอดบุตรและทันตกรรมยังคงใช้สิทธิโครงการหลักประกันสุขภาพแห่งชาติเหมือนเดิม

 

   2)  กรณีทุพพลภาพ

         ผู้ประกันตนจะได้รับเงินทดแทนรายเดือน เดือนละ 1,000 บาท  เป็นเวลา 15 ปี  โดยต้องจ่ายเงินสมทบมาแล้วไม่น้อยกว่า 36 เดือน (3 ปี)

 

   3)  กรณีคลอดบุตร

        ผู้ประกันตนจะได้รับเงินสงเคราะห์การคลอดบุตร 3,000 บาท คนละ 1  ครั้ง โดยต้องจ่ายเงินสมทบมาแล้วไม่น้อยกว่า 9 เดือน

 

   4)  กรณีเสียชีวิต 

        ทายาทผู้ประกันตนจะได้รับค่าทำศพเหมาจ่ายเป็นเงิน 30,000 บาท โดยต้องจ่ายเงินสมทบมาแล้วไม่น้อยกว่า 6 เดือน

 

   5)  กรณีชราภาพ

        กองทุนประกันสังคมจะกันวงเงินปีละ 1,855 บาท (จากเงินสมทบปีละ 3,360 บาท) เก็บสะสมไว้เป็นเงินออมเพื่อผู้ประกันตนจะได้รับเป็นเงินบำเหน็จ (เงินก้อนครั้งเดียว) เมื่อมีอายุครบ 55 ปี

        (หมายเหตุ สิทธิประโยชน์ที่กำหนดตามมาตรา 40 (ใหม่) อาจมีการเปลี่ยนแปลงได้  ขึ้นอยู่กับการปรับปรุงกฎหมายของคณะกรรมการประกันสังคมและสำนักงานประกันสังคม)

           

3. เสนอให้รัฐบาลประเดิมจ่ายเงินจำนวน  2,000 บาทสำหรับปีแรกและร่วมจ่ายเงินสมทบเข้ากองทุนประกันสังคมแรงงานนอกระบบตามอัตรากำหนดที่ไม่น้อยกว่ากึ่งหนึ่งของเงินสมทบที่ผู้ประกันตนจ่ายในปีต่อ ๆ ไปเพื่อความเสมอภาคและความเป็นธรรมเช่นเดียวกับที่แรงงานในระบบที่รัฐบาลร่วมจ่ายเงินสมทบและมีมาตรการแก้ไขปัญหาวิกฤตเศรษฐกิจและช่วยเหลือค่าครองชีพแก่แรงงานในระบบ

 หากรัฐบาลมีความตั้งใจที่จะร่วมกันสร้างหลักประกันทางสังคมให้แก่แรงงานนอกระบบจำนวนกว่า 24 ล้านคนอย่างจริงจังต่อเนื่อง เครือข่ายแรงงานนอกระบบขอเรียกร้องให้ รัฐบาลโปรดดำเนินการอย่างเร่งด่วน เพื่อให้เกิดผลปฏิบัติที่เป็นรูปธรรมต่อไป



http://www.prachatai.com/05web/th/home/16589

โดย : ประชาไท   วันที่ : 24/4/2552

ไม่มีความคิดเห็น: