วันศุกร์ที่ 17 เมษายน พ.ศ. 2552

ทวนกระแสประชาธิปไตยและสิทธิมนุษยชนในยุคโลกาภิวัตน์




ทวนกระแสประชาธิปไตยและสิทธิมนุษยชนในยุคโลกาภิวัตน์
โดย : ทวีศักดิ์ ตั้งปฐมวงศ์  เมื่อ : 16/04/2009 12:43 PM
ปัจจุบันแนวคิดประชาธิปไตย ถูกยอมรับโดยส่วนใหญ่ให้เป็นแนวคิดกระแสหลักที่ใช้เป็นรากฐานในการวางแบบแผนการปกครองของประเทศ ประชาธิปไตยมีหัวใจสำคัญอยู่ที่ การสร้างสิทธิ เสรีภาพ ความเสมอภาค และความเท่าเทียมกันให้เกิดขึ้นในสังคม ในขณะที่โลกาภิวัตน์ ตั้งอยู่ บนฐานของ ฉันทามติวอชิงตัน (Washington Consensus) ซึ่งมีสาระสำคัญโดยสรุปคือ เปิดเสรีทางเศรษฐกิจ (Liberalization) การรักษาเสถียรภาพทางเศรษฐกิจ (Stabilization) การถ่ายโอนการผลิตไปสู่ภาคเอกชน (Privatization) การลดการกำกับ การลดการควบคุม (Deregulation)

ผู้สนับสนุนโลกาภิวัตน์โดยมาก เห็นด้วยว่าประชาธิปไตยและโลกาภิวัตน์ มีหลักการพื้นฐานที่คล้ายกัน สามารถดำเนินควบคู่ด้วยกันได้ กล่าวคือโลกาภิวัตน์ก็สนับสนุนและส่งเสริมสิทธิเสรีภาพเช่นเดียวกัน แต่แท้จริงแล้ว เมื่อมองและวิเคราะห์กลับพบว่า โลกาภิวัตน์และประชาธิปไตยยังมีกระบวนการการที่ซับซ้อนและขัดแย้งกันเองหลายประการ การที่สังคมประชาธิปไตยโลกผูกติดกับโลกาภิวัตน์ ทำให้มีคำถามต่อพื้นฐานแนวคิด อย่างน้อยใน 2 ประการ ดังนี้

ประการแรก เมื่อมีการผนวกรวมตลาดและการผลิตอย่างรวดเร็ว รวมถึงการลดข้อจำกัด ลดข้อกีดกันทางการค้า ซึ่งเป็นสาระสำคัญของโลกาภิวัตน์แล้ว จะทำให้อำนาจในการผลิตและอำนาจในการต่อรอง จะถูกกำกับควบคุมโดยกลุ่มชนชั้นนำเพียงไม่กี่คนที่เป็นเจ้าของทุน ซึ่งจะสามารถสร้างความมั่งคั่งและความร่ำรวยได้อย่างมหาศาล ในขณะที่คนส่วนใหญ่ของสังคมมีรายได้น้อยลงไปทุกวันและกำลังกลายเป็นคนยากจนมากขึ้นเรื่อยๆ สิ่งเหล่านี้สะท้อนให้เห็นถึงการสร้างความไม่เท่าเทียมกันทางเศรษฐกิจ แม้โลกาภิวัตน์จะได้วางทางออกไว้ด้วย การบริหารงานแบบ ธรรมาภิบาลและมาตรการชดเชยของส่วนรวม แต่ในกรณีของวิกฤตแฮมเบอร์เกอร์นั้นได้ตอกย้ำได้ดีว่า สิ่งเหล่านั้นก็เป็นเพียงฉากบังหน้าที่สวยหรู ที่ไม่สามารถแก้ไขปัญหาความยากจนและความเหลื่อมล้ำในสังคมได้

ประการที่สอง เราสามารถตั้งคำถามได้อีกเช่นกันว่า ต่อให้เราสามารถวาดภาพโลกาภิวัตน์ที่เกิดขึ้นภายในกรอบที่มีความเท่าเทียมทางสังคม แต่แท้ที่จริงแล้วประชาชน คนในสังคมของเรายอมรับและพึงพอใจ กับการมีวิถีชีวิตที่ถูกผนวกรวมเป็นส่วนหนึ่งของระบบเศรษฐกิจโลกที่ยุ่งยากซับซ้อนจริงหรือไม่? ประชาชนส่วนมากอาจพอใจกับความเป็นอยู่ วิถีชีวิตที่ผูกพันกับเศรษฐกิจท้องถิ่นและชุมชน ที่เป็นเหมือนเกราะที่คุ้มครองจากความไม่แน่นอนของเศรษฐกิจโลกก็เป็นไปได้? อันที่จริง ปฏิกิริยาตอบโต้ต่อโลกาภิวัตน์ ไม่ได้มีสาเหตุเพียงเพราะความไม่เท่าเทียมและความยากจนที่โลกาภิวัตน์ก่อให้เกิดขึ้นเท่านั้น แต่ยังเป็นเพราะความรู้สึกของประชาชนว่า ได้สูญเสีย อำนาจในการควบคุมระบบเศรษฐกิจท้องถิ่นให้แก่กลไกตลาดระหว่างประเทศที่ไม่มีชีวิตจิตใจไปแล้ว ประเด็นหนึ่งที่ได้รับเสียงสะท้อนมากในขบวนการต่อต้านโลกาภิวัตน์ก็คือ การเรียกร้องให้ยุติความเติบโตทางเศรษฐกิจที่ใช้การส่งออกเป็นหัวจักร และหันไปส่งเสริมการพัฒนาเศรษฐกิจที่มุ่งเน้นตลาดภายในประเทศแทน คือส่งเสริมให้มีการผลิตสินค้าแลกเปลี่ยนกันในระดับท้องถิ่นและระดับชาติเท่าที่ทำได้ ก่อนการพึ่งพิงตลาดโลก ซึ่งจะทำให้กระบวนการผลิตอยู่ภายใต้การกำกับดูแลในระบอบประชาธิปไตย คือไม่สร้างความเหลื่อมล้ำทางเศรษฐกิจจนเกินขอบเขต
ในกรณีของสิทธิมนุษยชน ก็เช่นเดียวกับประชาธิปไตย กระแสการพัฒนายุคโลกาภิวัตน์ได้เข้ามามีบทบาทต่อสิทธิมนุษยชน โดยวิเคราะห์แล้วใน 2 ประการ

ประการแรก โลกาภิวัตน์ช่วยส่งเสริมบทบาทของสิทธิมนุษยชน ให้เป็นที่ยอมรับทั่วโลก และมีบทบาทในเชิงการค้าและความร่วมมือระหว่างประเทศ กล่าวคือโลกาภิวัตน์ได้ทำให้ สิทธิมนุษยชน เป็นหนึ่งในวาระสำคัญ ที่ประเทศต่างๆ ทั่วโลกต้องยอมรับและตระหนักถึงความสำคัญ

ประการที่สอง ประเทศที่มีความเข้มแข็งทางการเมืองในระบอบประชาธิปไตยและคารพต่อสิทธิมนุษยชน จะสร้างความเชื่อมั่นต่อการค้าการลงทุนในประเทศและระหว่างประเทศ ในแง่นี้สิทธิมนุษยชน ได้กลายเป็นประเด็นสำคัญที่ส่งผลต่อการค้าและการลงทุน
ปัจจัย 2 ประการเป็นข้อดีที่สนับสนุนและส่งเสริมระหว่างโลกาภิวัตน์กับสิทธิมนุษยชน แต่หากมองในอีกมุมแล้วกลับพบว่า โลกาภิวัตน์ไม่ได้ส่งเสริมสิทธิมนุษยชน แท้จริงแล้วโลกาภิวัตน์ส่งเสริมการค้าแบบทุนนิยมเสรีมากกว่า เรื่องของสิทธิมนุษยชนถูกหยิบยกขึ้นมาเพื่อใช้เป็นข้ออ้างและข้อปกป้องทางการค้า เพื่อช่วงชิงความได้เปรียบ เสียเปรียบทางเศรษฐกิจมากกว่า จะส่งเสริมให้เกิดความเคารพและรักษาศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์

ประชาธิปไตย มีความหมายและคุณค่ามากกว่า การจัดการเลือกตั้ง ประชาธิปไตยโดยวัตถุประสงค์แล้ว นอกจากต้องการสร้างสิทธิ เสรีภาพ ความเสมอภาค ทางการเมืองให้เกิดขึ้นแล้ว ย่อมต้องการสร้างความกินดี อยู่ดี ให้กับประชาชนถ้วนหน้า สิทธิมนุษยชนก็เช่นเดียวกัน ต้องดำเนินการส่งเสริมไปควบคู่กับประชาธิปไตย โดยต้องสร้างความตระหนักถึงความสำคัญของสิทธิ เสรีภาพ และคุณค่าความเป็นมนุษย์ให้เกิดขึ้นจริง ไม่ใช้ถูกหยิบยกเพื่อใช้เป็นเครื่องต่อรองทางธุรกิจ ตราบใดที่โลกาภิวัตน์คือ การพัฒนาแบบทุนนิยมเสรี ซึ่งตั้งอยู่บนความไม่พอเพียง เน้นการแข่งขันทางเศรษฐกิจ การบริโภค ที่มากจนเกินตัว จะทำให้ไม่สามารถกระจายทรัพยากรและความมั่งคั่งให้โดยเท่าเทียมกันได้ โลกาภิวัตน์จึงไม่ได้ส่งเสริมประชาธิปไตยและสิทธิมนุษยชน
 

ทวีศักดิ์ ตั้งปฐมวงศ์
นิสิตรัฐศาสตร์มหาบัณฑิต สาขาการเมืองการปกครอง
วิทยาลัยการเมืองการปกครอง มหาวิทยาลัยมหาสารคาม


- กวัลชิต สิงห์.(2550).โลกาภิวัตน์ส่งเสริมประชาธิปไตยและ สิทธิมนุษยชน จริงหรือ?. ถามท้าโลกาภิวัตน์(Questioning Globalization).(พิภพ อุดมอิทิพงศ์ (แปล),สุรัตน์ โหราชัยกุล (บก.แปล) ).กรุงเทพฯ:ศูนย์ศึกษาการพัฒนาสังคม.
- บทความถอดเทป รังสรรค์ ธนะพรพันธุ์ "ทางเลือก ทางรอด ของสังคมเศรษฐกิจไทยในยุคโลกาภิวัตน์"
- Walden Bello,The Post-Washington Dissensus,

 
http://www.thaingo.org/writer/view.php?id=1165


Windows Live™: Life without walls. Check it out.

ไม่มีความคิดเห็น: