วันที่ 08 เมษายน พ.ศ. 2551 ปีที่ 31 ฉบับที่ 10986
เงินรั่วไหลในท้องถิ่น
บทนำมติชน
ความอื้อฉาวจากกรณีองค์การบริหารส่วนจังหวัด (อบจ.) ถูกร้องเรียนว่ามีการทุจริตเกี่ยวกับการจัดซื้อหนังสือและสื่อการเรียนการสอนจากบริษัทเอกชนเพื่อมอบให้โรงเรียนในสังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาตามจังหวัดต่างๆ และกระทรวงมหาดไทย โดยนายสุพล ฟองงาม รัฐมนตรีช่วยฯได้ตั้งคณะกรรมการสอบสวนข้อเท็จจริง แม้จะมีความคืบหน้า ดังที่ "มติชน" ได้ติดตามนำเสนอข่าวอย่างเกาะติด แต่ก็ถือว่าดำเนินไปด้วยความล่าช้าและกระทำการตรวจสอบ อบจ.ได้เพียง 4-5 จังหวัดเท่านั้น ทั้งๆ ที่ในปี 2551 มี อบจ.ถึง 66 จังหวัด ที่ตั้งโครงการจัดซื้อหนังสือและสื่อการเรียนการสอนเป็นเงิน 2 พันกว่าล้านบาท ซึ่งไม่น่าจะเชื่อว่าสุจริต โปร่งใสกันทั้งหมด นอกจากนี้ การสอบสวนต้องมีการลงไปในพื้นที่เพื่อดูเอกสาร สอบ ปากคำพยานบุคคลอันประกอบไปด้วยอดีตผู้บริหาร อบจ. เจ้าหน้าที่ อบจ. ผู้บริหารโรงเรียน เป็นต้น แต่คณะกรรมการมีแค่เพียง 2 ชุดเท่านั้น
หากรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย นายสุพลไม่เอาจริงที่สอบถามความคืบหน้ากับคณะกรรมการสอบสวน หรือไม่สั่งการไปยังผู้ว่าราชการจังหวัดให้เอาเรื่องกับ อบจ. หากสำนักงานการตรวจเงินแผ่นดินไม่เข้มงวดกวดขันด้วยการแจ้งไปยังสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาให้ระงับการรับหนังสือและให้ส่งหนังสือที่ไม่ถูกต้องคืนไปยัง อบจ. การดำเนินการของ อบจ.บางแห่งที่นำเอาความปรารถนาดีมาบังหน้าว่า ต้องการช่วยเหลือด้านการศึกษา อยากจะให้นักเรียนได้อ่านหนังสือดี มีประโยชน์ต่อปัญญา แต่เบื้องหลังคือช่องทางการหากินอันมิชอบก็ไม่ต่างไปจาก "อ้อยเข้าปากช้าง" ซึ่งเป็นธรรมดาที่ช้างจะต้องกลืนกินอ้อยลงไปในท้องของมันด้วยความเอร็ดอร่อยในรสหวานของอ้อย ไม่มีทางจะดึงอ้อยออกมาจากปากช้างหรือจากท้องช้างได้เลย
ขนาดทุจริตกันอย่างกว้างขวาง กินกันคำโตที่ทิ้งหลักฐานเอาไว้ให้ตรวจสอบทั้งเอกสารของ อบจ. หนังสือเรียนที่ อบจ.พิมพ์รูปตัวนายก อบจ.เพื่อใช้สำหรับหาเสียง หาคะแนนนิยมเพื่อการเลือกตั้งสมัยต่อไปตัวเองจะได้รับเลือกกลับเข้ามาบริหารงานในท้องถิ่นอีกครั้งหนึ่ง การฮั้วประมูลของบริษัทเอกชนที่เข้าแข่งขันเสนอขายหนังสือพร้อมราคาขายซึ่งเห็นได้ชัดเจนว่า เป็นการสมยอมราคากันเองและเป็นบริษัทที่ส่งขายหนังสือไปทั่วประเทศ ซึ่งโจษจันกันไปทั่วบ้านทั่วเมืองเพราะเป็นข้อเท็จจริงที่ปิดไม่มิด นั่นคือเรื่อง อบจ.เรียกรับเงินใต้โต๊ะ 45-50 เปอร์เซ็นต์ จากบริษัทเอกชนที่อยากจะขายหนังสือและสื่อการเรียนการสอน แต่ก็แปลกที่ไม่เห็นอากัปกิริยาของกรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่นจะทุกข์จะร้อน โดยหลังจากที่ส่งข้อมูลให้รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทยว่ามี อบจ.ใดบ้างตั้งงบประมาณจัดซื้อหนังสือ สื่อการเรียนการสอนให้โรงเรียนแล้วก็เป็นอันจบเรื่องจบราวกัน ทั้งๆ ที่กรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่นควรจะมีส่วนร่วมในการหาข้อเท็จจริงเพื่อสร้างความโปร่งใสให้กับ อบจ.
เงินทองที่ อบจ.ได้รับและนำมาใช้จ่าย ไม่ว่าจะเป็นการจัดซื้อหนังสือ สื่อการเรียนการสอนต่างๆ การจ้างครูพิเศษมาช่วยสอนตามโรงเรียนเพื่อแก้ปัญหาการขาดแคลนครู ฯลฯ เป็นความเข้าใจผิดที่คิดว่าเป็นเงินของ อบจ. แท้จริงแล้วเงินดังกล่าวเป็นภาษีของประชาชน ประกอบไปด้วยภาษีที่เก็บในจังหวัดว่าได้แก่ ภาษีการค้าจากน้ำมันเบนซิน น้ำมันที่คล้ายกัน น้ำมันดีเซล ก๊าซปิโตรเลียมที่ใช้เป็นเชื้อเพลิงสำหรับรถยนต์ ภาษีการค้ายาสูบ ภาษีมูลค่าเพิ่ม ภาษีธุรกิจเฉพาะตามประมวลรัษฎากร ภาษีและค่าธรรมเนียมรถยนต์ ภาษีเพื่อการศึกษาตามกฎหมายว่าด้วยการศึกษาแห่งชาติ ค่าภาคหลวงแร่ ค่าธรรมเนียมจากผู้เข้าพักโรงแรม ฯลฯ ภาษีของประชาชนเหล่านี้ไม่เพียงแต่ อบจ.ต้องเอามาใช้ให้เกิดประโยชน์ต่อท้องถิ่นในระดับจังหวัดซึ่งกฎหมายกำหนดแผนและขั้นตอนการกระจายอำนาจก็บัญญัติไว้ว่าจะใช้ไปทางด้านใดบ้าง ซึ่งมีถึง 29 รายการ ยังจะต้องใช้อย่างคุ้มค่า เต็มเม็ดเต็มหน่วย ไม่รั่วไหลไปเข้ากระเป๋าคนมีอำนาจใน อบจ.
การรั่วไหลของเงินภาษีอากรของประชาชนโดยฝีมือของ อบจ.มีมานานแล้ว และเมื่อผู้บริหาร อบจ.โดยนายก อบจ.มาจากการเลือกตั้งโดยตรงของประชาชนในจังหวัดอันเป็นไปตามตามกฎหมายใหม่เริ่มต้นเป็นครั้งแรกเมื่อ 4 ปีก่อน ปัญหาทุจริตก็ยังดำรงอยู่ แต่น่าเสียดายที่ไม่เคยปรากฏว่าจะมีการสอบสวนจากกระทรวงมหาดไทย คงปล่อยให้เป็นหน้าที่ของสำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ ซึ่งไม่เกิดประสิทธิภาพในการตรวจสอบเท่าที่ควร กรมการปกครองที่กำกับดูแลผู้ว่าฯ นายอำเภอ กรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่น สภา อบจ. องค์กรภาคสังคมในจังหวัด ฯลฯ กลับไม่เคยหยิบยกเอาเรื่องนี้ขึ้นมาพิจารณา เมื่อรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย นายสุพล และองค์กรอิสระอย่าง สตง.จริงจังกับเรื่องนี้จึงเป็นเรื่องน่ายินดี แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น การจะชำระความสกปรกใน อบจ.ได้ต้องทำเป็นการใหญ่ บางทีกรรมการสอบสวน 2 ชุด ไม่เพียงพอต่อการชำระสะสางสิ่งเน่าเหม็นที่หมักหมมมานานใน อบจ.ได้
หน้า 2 มติชนออนไลน์
สมัครสมาชิก:
ส่งความคิดเห็น (Atom)
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น